การผ่อนคลายกล้ามเนื้อภายหลังการออกกำลังกาย
Leave a reply
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อภายหลังการออกกำลังกาย
เพื่อนๆทราบหรือไม่ครับว่า
ขณะที่เราออกกำลังกายหนักๆ
หัวใจต้องสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่าของเวลาปกติ
หัวใจต้องบีบตัวแรงขึ้นและเต้นเร็วขึ้นอาจถึง 2 เท่าของอัตราการเต้นของหัวใจปกติ
และขณะที่เคลื่อน ไหวอยู่นั้น
กล้ามเนื้อซึ่งกำลังหดตัว ก็จะบีบไล่เลือดกลับสู่หัวใจเป็นวงจร ช่วงที่มีการออกกำลังกายไปเรื่อยๆ วงจรนี้ก็จะสมดุลอยู่ แต่ถ้าเราหยุดออกกำลังกายทันทีทันใด กล้ามเนื้อหยุดหดตัวทันที เลือดก็จะไหลกลับหัวใจไม่พอ แต่หัวใจยังคงเต้นเร็วอยู่ หัวใจจะสูบฉีดเลือดออกไปได้ครั้งละน้อยๆ
เกิดอาการขาดเลือดอย่างกะทันหัน
โดยเฉพาะเลือดที่จะไปเลี้ยงส่วนศีรษะ (สมอง) และตัวกล้ามเนื้อหัวใจเอง ส่งผลให้เกิดอาการวิงเวียน เป็นลม
หรือหัวใจวายได้
โดยเฉพาะในผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ
สำหรับวัยรุ่นอย่างเราๆก็ใช่ว่าจะไม่แสดงอาการอะไร บางคนอาจเกิดอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงทันที หรือตาพร่ามัวได้เหมือนกันนะครับ
ดังนั้น
เราจึงต้องค่อยๆผ่อนการออกกำลังกายให้เบาลงเรื่อยๆ เช่น
จากการเต้นแอโรบิคจังหวะเร็วๆ
ก็เปลี่ยนเป็นจังหวะที่ช้าลง
แต่ยังคงเคลื่อนไหวร่างกายต่อไปอีกระยะหนึ่งและนั่นคือ ความสำคัญของ
“การผ่อนคลายกล้ามเนื้อภายหลังการออกกำลังกาย”
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อหรือ
“COOL DOWN” หมายถึง การค่อยๆลด
หรือผ่อนการออกกำลังกายให้เบาลงทีละน้อยจนกระทั่งหายเหนื่อย
ทั้งนี้เพื่อให้กล้ามเนื้อและหัวใจที่ทำงานหนักขณะออกกำลังกาย ได้ค่อยๆ
ทำงานน้อยลงเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับสู่ระดับปกติ เช่น ในการวิ่ง
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อ จะหมายถึงการลดความเร็วลงเรื่อยๆ จนเป็นเดินเร็วและเดินช้า
หลังจากนั้นอาจทำการยืดกล้ามเนื้อต่ออีก 3 – 5 นาที
เช่นเดียวกับ การอบอุ่นร่างกาย
ถ้าหากเราทำให้ครบวงรอบของการออกกำลังกาย
คือ เริ่มต้นด้วยการอบอุ่นร่างกาย 5 – 10 นาที ออกกำลังกายเต็มที่ 15 – 30 นาที
และผ่อนคลายกล้ามเนื้ออีก 5 -10 นาที โดยทำให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
เราก็จะมีสุขภาพกายที่แข็งแรง อันจะเป็นหนทางสู่ความสำเร็จทั้งปวง
วอร์มอัพ-คูลดาวน์ สำคัญอย่างไร? กระทู้ดีสำหรับคนออกกำลังกาย by หมั่นโถ
วอร์มอัพ-คูลดาวน์ สำคัญอย่างไร?
เป็นการป้องกันอุบัติเหตุก่อนการออกกำลังกาย
เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะก่อนการออกกำลังกายนั้น ร่างกายของคนเรายังอยู่ในภาวะที่ปกติอยู่ ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำการ"warm-up"ซะก่อน
ซึ่งวอร์มอัพนั้นก็คือ
การอบอุ่นร่างกายในเบื้องต้น
เพื่อให้ร่างกายมีภาวะที่พร้อมก่อนที่จะมีการออกกำลังกาย ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ เลยก็คือ
การยืดเส้นยืดสาย การยืดกล้ามเนื้อ ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น แขน ขา หัวไหล่
เอว ข้อเท้า เป็นต้น
หรือมีการวิ่งแบบเหยาะๆ สัก 5-15 นาที
เพียงเท่านี้ทุกๆ คนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ก็จะปลอดภัยจากอาการบาดเจ็บ
ที่อาจที่เกิดขึ้นขณะ
เล่นกีฬาหรือหลังจากเล่นกีฬา
และที่สำคัญไม่ไปน้อยกว่ากันนั่นก็คือ"cool-down"
ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับการวอร์มอัพ
เพียงแต่เป็นการอบอุ่นร่างกายหลังจากที่เล่นกีฬาเสร็จแล้วนั่นเอง
หากผู้ที่ออกกำลังกายทำทั้งสองอย่างนี้ควบคู่กันไป ร่างกายก็จะปลอดภัย
จากอาการบาดเจ็บดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นอย่างแน่นอน !!
warm-up
อย่าลืมว่าก่อนการออกกำลังกายทุกครั้ง
สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการอบอุ่นร่างกายหรือวอร์มอัพ (warm up) การอบอุ่นร่างกายเป็นการเตรียมส่วนต่างๆของร่างกายหรืออวัยวะที่เกี่ยวกับการเคลื่อน
ไหวให้พร้อมที่จะทำงาน
เพื่อป้องกันและลดอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย
โดยทั่วไปการอบอุ่นร่างกายจะแบ่งออกเป็น2ส่วนคือ
- การอบอุ่นร่างกาย เป็นการทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นหรือร้อนขึ้น
- การยืดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น เพื่อให้การเคลื่อนของข้อต่อเป็นไปอย่างสะดวก
ไม่เกิดการฉีกขาด
สำหรับ
ประทศไทยซึ่งมีอากาศร้อน การทำให้อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น
การอบอุ่นร่างกายจึงไม่ค่อยสำคัญเท่ากับประเทศที่มีอากาศหนาวที่จะต้องใช้เวลา
ในการอบอุ่นนานพอสมควร
หากต้องการจะทราบว่ากล้ามเนื้อของเรา
ยืดได้ดีมากน้อยเพียงใดอาจทำได้ด้วยวิธี ง่ายๆ ดังขั้นตอนนี้
1. ยืนตัวตรง ข้อเข่าเหยียดตรง
2. แล้วค่อยๆก้มตัวลงมาทางด้านหน้า
3. พยายามใช้ปลายมือแตะที่นิ้วเท้า
ถ้าสามารถแตะได้แสดงว่ากล้ามเนื้อทางด้านหลังไม่ตึง
แต่ถ้านิ้วมือยังห่างพื้นมากแสดงว่ากล้ามเนื้อทางด้านหลังยังตึงมากควรต้องยืดกล้ามเนื้อทางด้านหลังโดยเฉพาะบริเวณด้านหลังของต้นขา
สะโพก และเอวให้มากขึ้น การยืดกล้ามเนื้อจะต้องยืดช้าๆอย่ายืดรุนแรงหรือทำในจังหวะที่รวดเร็ว
cool-down
และหลังจากที่ได้ออกกำลังกายติดต่อกันเป็นเวลานาน
อย่าลืมว่าเมื่อจะเลิกออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบแอโรบิกนั้น
ห้ามหยุดออกกำลังกายทันทีทันใด จะต้องค่อยๆผ่อนให้ร่างกายเย็นลงช้าๆ
ให้มีระยะคลายอุ่นหรือ cool-downเนื่องจากว่า
ขณะที่เราออกกำลังกายหนักๆซึ่งใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่
หัวใจต้องส่งเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อที่ทำงานหนักโดยบีบตัวให้แรงมากขึ้นและด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น
ในขณะที่กล้ามเนื้อได้รับเลือดมาก
ก็จะหดตัวบีบเอาเลือดกลับไปยังหัวใจมากขึ้นเช่นกันเป็นการรักษาวงจรการไหลเวียนของเลือดให้เป็นไปอย่างปกติ
หากเราออกกำลังกายไปเรื่อยๆระบบวงจรนี้ก็เป็นไปอย่างเรียบร้อยถ้าหากเราหยุดออกกำลังกายทันทีกล้ามเนื้อจะหยุดหดทันทีด้วย
เป็นผลให้มีเลือดคั่ง ในส่วนต่างๆของร่างกายเป็นจำนวนมากหัวใจที่ยังเต้นเร็ว
และแรงอยู่นั้นก็จะได้รับเลือดไม่พอเกิดการขาดเลือดอย่างทันทีด้วย
ถ้าเป็นในวัยหนุ่มสาวผลที่เกิดจะมีผลน้อยแต่ถ้ามีอายุมากถ้าเลือดมาเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพออาจไม่ดีนัก
อาจเกิดอันตรายรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ดังนั้น
หลังการออกกำลังกายอย่างหนักแล้ว ห้ามหยุดยืนนิ่งหรือนั่งลงทันที
ควรให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวไปอีกสักระยะหนึ่ง เช่นวิ่งช้าๆ
หรือเดินต่อไปเพื่อให้กล้ามเนื้อได้หดตัว และหัวใจเต้นช้าลง
เป็นการรักษาวงจรให้สมดุลต่อไปอีกระยะหนึ่งประโยชน์อีกอย่างหนึ่งก็คือ
เป็นการนำเอาของเสียหรือกรดแล็กติกที่เกิดขึ้นใน
ขณะออกกำลังกายออกไปจากกล้ามเนื้อช่วยให้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเกิดขึ้นน้อยลง
ซึ่งการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเกิดจากการฉีกขาดเล็กๆน้อยๆ
ของใยกล้ามเนื้อนั่นเองค่อยๆลดสำหรับการ cool-down ก็ คือเราลดความหนักของการทำกิจกรรมลง ค่อยๆลดลงเช่น
เรากำลังวิ่งด้วยอัตราเร็วสูงอยู่ก็ค่อยๆลดช้าลง ช้าลงๆแล้วกลายเป็นเดิน
ท้ายที่สุดก็จะมีการยืดเหยียด
http://archive.wunjun.com/room7rb/15/250.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น