บทที่ 4
การท่องเที่ยวภาคตะวันตก
สถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ( โบราณสถาน หรือ โบราณวัตถุ )
จังหวัดตาก
ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่บนถนนจรดวิถีถ่อง
ศาลนี้แต่เดิมอยู่ที่วัดดอยเขาแก้วฝั่งตรงข้ามกับตัวเมือง ต่อมาใน พ.ศ. 2490
ชาวเมืองเห็นว่าศาลนั้นไม่สมพระเกียรติ
จึงช่วยกันสร้างศาลขึ้นใหม่พร้อมกับให้กรมศิลปากรหล่อพระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริงเล็กน้อย
ในพระอิริยาบถที่กำลังประทับอยู่บนราชอาสน์ มีพระแสงดาบพาดอยู่ที่พระเพลา
ที่ฐานพระบรมรูปมีคำจารึกว่า “พระเจ้าตากสินกรุงธนบุรี ทรงพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. 2277 สวรรคต พ.ศ. 2325 รวม 48
พรรษา”
ผาสามเงา อยู่ในตำบลย่านรี จากอำเภอเมือง
ใช้เส้นทางหมายเลข 1107 (เจดีย์ยุทธหัตถี -
เขื่อนภูมิพล) ผ่านทางแยกไปเจดีย์ยุทธหัตถีประมาณ 25
กิโลเมตร ถึงอำเภอสามเงา ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง
จะมองเห็นขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ผาสามเงา"
เพราะเป็นที่เชิงเขาริมหน้าผานั้นเจาะเป็นช่องลึกเข้าไปในเนื้อภูเขาเรียงกัน
3 ช่อง ประดิษฐานพระพุทธรูปปิดทองช่องละองค์
มีบันไดไม้ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปได้
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก อยู่ที่ ต.เกาะตะเภา
อ.บ้านตาก จ.ตาก ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำปิง
เดิมวัดแห่งนี้เป็นเมืองตากเก่า ก่อนที่จะมีการย้ายตัวเมืองไปอยู่ที่
ต.ระแหง ตัวเมืองตากในปัจจุบัน ห่างไปทางทิศใต้ประมาณ 30 กิโลเมตร อันมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัย
พระนางจามเทวี ล่องเรือเสด็จไปเมืองลำพูน
หยุดพักบริเวณแห่งนี้ พบว่าเป็นเมืองร้าง จึงได้สั่งให้มีการฟื้นฟูบูรณะเมืองแห่งนี้
จนกลายเป็นชุมชนเมืองตาก
วัดพระบรมธาตุบ้านตาก ยังปรากฏในศิลาจารึของพ่อขุนรามคำแหง ที่ทรงกระทำยุทธ
หัตถี
ชนะศึกเจ้าเมืองฉอด บนเนินเขาใกล้กับพระบรมธาตุ ประมาณ 500 เมตร ตามตำนานพระเจ้าเลียบโลก
ซึ่งเขียนเป็นภาษาเหนือ กล่าวไว้ว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จโปรดสัตว์ล่องมาตามลำน้ำปิง พระองค์ได้เสด็จมายัง ดอยมะหิยังกะ ในเขตตัวเมืองตาก ตรัสกับพระอานนท์ว่าสถานที่นี้เป็นสถานที่สำราญ ร่มรื่น หากเราตถาคตปรินิพพานแล้วให้นำอัฐิและเกศากลับมายังดอยมะหิยังกะ
ภายหลังจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพาน พระอรหันต์ทั้ง 4 ได้นำพระบรมสาริกธาตุของพระองค์ พร้อมด้วยเกศาอีก 4 องค์ มาประดิษฐานยังดอยมะหิยังกะ แล้วก่อเจดีย์รูปทรงสี่เหลี่ยมแล้ว นำพระบรมสารีริกธาตุบรรจุไว้ในพระเจดีย์ เพื่อเป็นที่สักการบูชาของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
ถ้ำตะโค๊ะบิ อยู่ในเขตบ้านแม่กลอง
ลักษณะถ้ำมีทางเดินกว้างลงไปเป็นชั้น ๆ ข้างในมีทางแยกหลาย ทาง เป็นถ้ำขนาดใหญ่
เพดานถ้ำสูง มีหินงอก หินย้อยสวยงาม และสามารถเดินทะลุถ้ำ มาออกที่บ้านแม่กลองใหม่
ค วามลึกของถ้ำประมาณ 3 กิโลเมตร การเดินทาง จาก
อ.อุ้มผาง ใช้เส้นทางสายแม่กลองใหม่ -น้ำตกทีลอซู ไปประมาณ 3
กิโลเมตร
ศาลหลักเมืองสี่มหาราช ตั้งอยู่เชิงสะพานกิตติขจร ก่อนเข้าตัวเมืองตาก
จากหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ เมืองตากเป็นเมืองเก่ามีมาก่อนสมัยกรุงสุโขทัย
เป็นเมืองที่มีพระมหาราชเจ้าในอดีตได้เสด็จมาชุมนุมกองทัพที่เมืองตากถึง 4 พระองค์ คือ
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ทรงชนช้างกับขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงประกาศอิสรภาพ ณ เมืองแกรง แล้วยกทัพกลับราชอาณาจักรไทย
โดยเสด็จผ่านดินแดนเมืองตากเป็นแห่งแรก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ทรงนำทัพไปตีหัวเมืองฝ่ายเหนือ และได้สร้างวัดพระนารายณ์
ปัจจุบันอยู่ที่เชิงสะพานกิตติขจร และ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
เคยได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองตาก เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอดีตมหาราช
ทั้งสี่พระองค์ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจังหวัดตาก จึงได้จัดสร้างศาลหลักเมืองสี่มหาราชขึ้น
เมื่อ พ.ศ.2535
วัดพระพุทธบาทดอยโล้น ตั้งอยู่ในตำบลท้องฟ้า หมู่ 3 เป็นวัดป่าสายปฏิบัติ
ตั้งอยู่บนเนินเขาท่ามกลางป่าไม้ร่มรื่น ภายในบริเวณวัดมีสิ่งที่น่าสนใจคือ
สมเด็จมหาสากยะมุณีศรีสรรเพชร
เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่มีพุทธลักษณะงดงามหน้าตักกว้าง 20 เมตร สูง 38 เมตร
รอยพระพุทธบาทตั้งอยู่บนยอดเขาสูงมีมณฑปสร้างครอบไว้ในบริเวณเดียวกันยังมีบ่อน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านถือว่าเป็นบ่อน้ำทิพย์
เมื่อถึงเดือนเมษายนของทุกปี
ช่วงหลังประเพณีสงกรานต์ชาวบ้านจะจัดประเพณีขึ้นเขาไหว้รอยพระพุทธบาท
จังหวัดกาญจนบุรี
พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2
คนที่มาเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้วต้องการรู้เรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว
และสงครามโลกครั้งที่สอง บริเวณใกล้ๆ สะพาน มีพิพิธภัณฑ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราว
และจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ ๆ
กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว ของกาญจนบุรีเลย
พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะและเชลยศึก พิพิธภัณฑ์สงครามอักษะ และเชลยศึก หรือ
JEATH เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี
เป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรก ที่จัดแสดง และถ่ายทอดเรื่องราวสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
ครั้งที่เชลยศึกสงครามได้ถูกนำตัวไปสร้างทางรถไฟสายมรณะ
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าชมเป็นจำนวนมากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก
เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้ได้เข้าชมมาตั้งแต่วันที่่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2520 ภายในพิพิธภัณฑ์
จัดแสดงเรื่องราวความเป็นอยู่
และความทุกข์ยากลำบากของเชลยศึกกับการสร้างทางรถไฟสายมรณะ
ขณะนั้น
วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไม่น้่อย
รวมถึงยังถือว่าเป็นวัดที่มีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดใน
จังหวัดกาญจนบุรี
พระเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล
เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา ใครที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถแวะเยี่ยมชมวัด
สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท
และนมัสการหลวงพ่อชินประทานพรวัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา ในตำบลม่วงชุม
อำเภอท่าม่วง เป็นอำเภอที่อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจนบุรี
วัดวังก์วิเวการาม หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า "วัดหลวงพ่ออุตตมะ"
นอกจากจะเป็น
สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอสังขละบุรีแล้ว
ยังเป็นวัดที่ถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับคนพื้นถิ่น
และเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนหลายเชื้อชาติที่อาศัยอยู่ในอำเภอสังขละบุรี ทั้งชาวไทย
และกะเหรี่ยง โดยเฉพาะสำหรับชาวไทยเชื้อสายมอญ ที่เปรียบหลวงพ่ออุตตมะเป็น
"เทพเจ้าแห่งชาวมอญ" วัดวังก์วิเวการาม
จึงเกิดจากพลังศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อ และเป็นวัดที่เคยเป็นที่จำพรรษาของ
"หลวงพ่ออุตตมะ" วัดจึงเป็นเสมือนตัวแทนหลวงพ่อ และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวมอญ
ในการประกอบพิธีกรรมตามประเพณีของมอญ และจัดงานอื่นๆ
เช่นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีการจัดงานคล้ายวันเกิดของหลวงพ่ออุตตมะ
มีงานกิจกรรมต่างๆ พิธีกรรมทางศาสนา งานแข่งขันชกมวยคาดเชือก
การแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่นการรำแบบมอญ การรำตงของชาวกะเหรี่ยง
และมีการแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมชาวไทยรามัญ สถานที่สำคัญภายในบริเวณวัด
มีอยู่หลายอาคาร ซึ่งเปิดให้นักท่องเทีี่ยวและผู้คนทั่วไปเข้า
ไปเยี่ยมชม
และสักการะบูชา
เจดีย์พุทธคยา เป็นปูชนียสถานที่สำคัญคู่กับวัดวังก์วิเวการาม
เป็นเจดีย์องค์ใหญ่นี้ตั้ง
ตระหง่านอยู่บนเนินเขาใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ
มีสีเหลืองทอง สามารถมองเห็นได้จากแม่น้ำซองกาเลีย
ภายในองค์เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จึงเป็นเจดีย์ที่มีผู้คนมาสักการะ
บูชาองค์เจดีย์ที่เสมือนเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
เจดีย์พุทธคยายังเป็นศูนย์กลางในการประกอบพิธีในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและงานเทศกาลเช่น
งานวันสงกรานต์
วัดใต้น้ำ เมืองบาดาล หรือวัดจมน้ำ คือวัดวังก์วิเวการามเดิม
ซึ่งกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว
ที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand เพราะมีความแปลกที่มีซากโบราณสถานจมอยู่ใต้น้ำ
เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานความเป็นมาของวัดหลวงพ่ออุตตมะ
จนหลายคนเรียกกันว่าเมืองบาดาล นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในช่วงฤดูร้อน
ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคม - เมษายน เป็นช่วงหน้าแล้ง น้ำหลังเขื่อนลดลงมาก
จะสามารถเดินเข้าไปเยี่ยมชมโบสถ์เก่าได้ ณ บริเวณสามประสบ ส่วนคนที่มาเที่ยวช่วงปลายฝนต้นหนาว
ตั้งแต่ประมาณตุลาคม - มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ
หรือบางทีก็จมน้ำเป็นเมืองบาดาล
จะมีให้เห็นก็เพียงแต่ยอดหอระฆังเดิมเท่านั้นที่สูงพ้นน้ำ
จังหวัดราชบุรี
อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ราชบุรี อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามเกิดขึ้นจากความตั้งใจ
และความคิดของท่านผู้ก่อตั้งซึ่งมีรากฐานการเริ่มต้นของงานมาจากงานหล่อพระพุทธรูป
งานหล่อประติมากรรมรูปต่างๆ นับจากอดีตจนสู่ปัจจุบัน เป็นระยะเวลากว่า 40
ปีที่ผ่านมา จากประสบการณ์ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์
ผลงานประติมากรรมรูปเหมือน ของพระสงฆ์รูปต่างๆ ซึ่งจำพรรษาในกุฏิ
และรูปเหมือนบุคคลสำคัญต่างๆที่ท่านผู้ก่อตั้ง มีความศรัทธายกย่อง ในด้าน
แนวความคิด ในการทำงาน และการดำเนินชีวิต จนประสบความสำเร็จ รวมทั้งรูปเหมือน
วิถีชีวิตวัฒนธรรม ความเป็นไทย ในภาคต่างๆ ของประเทศไทย จึงได้เริ่มก่อตั้ง โครงการอุทยาน
หุ่นขี้ผึ้งสยามขึ้นมา ในปีพุทธศักราช 2540 และด้วยความ มุ่งมั่น
ที่มาจากความคิดสร้างสรรค์ จากความเชื่อมั่น ในคำสอน เรื่องทำความดี
ความศรัทธาในบุคคล กำลังใจจากครูอาจารย์ เพื่อนมิตรและครอบครัว ทำให้โครงการ
อุทยานหุ่นขี้ผึ้ง ได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่จะนำเสนอ งานสร้างสรรค์
ด้านศิลปะ วัฒนธรรมไทย วิถีชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมไทย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เพื่อสืบทอด สิ่งดีงามเอกลักษณ์ ของไทยให้คงอยู่สืบต่อชนรุ่นหลัง ที่ตั้ง : 41/1 ม.3 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70610
วัดถ้ำสาริกา ราชบุรี ถ้ำแห่งหนึ่งที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ถ้ำสาริกา มีลักษณะเด่น เป็นถ้ำที่มีหินงอก หินย้อยสวยงาม ภายในเป็นห้องโถงใหญ่
แล้วแยกเป็นถ้ำร้อน ถ้ำเย็น ถ้ำสาลิกาเดิมมีชื่อว่า "ถ้ำตีเหล็ก"
เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ตีเหล็กของชาวบ้านในสมัยก่อน
และการที่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ถ้ำสาริกา เพราะชาวบ้านสมัยนั้นได้เข้าไปในถ้ำ
และพบเห็นนกสาริกาอยู่หลายคู่จึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นถ้ำสาริกา ราวปี พ.ศ. 2511 มีการสร้างปูชนีวัตถุ 2 รูป
คือ พระสังกระจาย และพระสีวรี พร้อมถวายเงินสร้างบันไดขึ้นถ้ำจนสำเร็จ สมัยก่อนเป็นสำนักสงฆ์
มีผู้แวะเวียนมาปฏิบัติธรรมอยู่เป็นประจำ ต่อมาจึงได้รับอนุญาตให้เป็นวัดถ้ำสาริกา
เมื่อปี พ.ศ. 2530 ด้วยความสงบของที่นี่
จึงเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ที่ตั้ง : หมู่ที่ 8 ต.ธรรมเสน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ปางช้างเผือกดำเนินสะดวก ราชบุรี ปางช้างเผือกดำเนินสะดวก
ตั้งอยู่ระหว่างตลาดน้ำดำเนินสะดวกและตลาดน้ำอัมพวา
แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของโลกและประเทศไทย
จากประสบการณ์และมองเห็นความต้องการของนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางและเที่ยวชม
โดยใช้บรรยากาศสวนผลไม้ สวนมะพร้าว ให้มองเห็นถึงวิถีชีวิตการทำอาชีพของคนท้องถิ่น
ปางช้างเผือกดำเนินสะดวกจึงก่อตั้งขึ้น ภายใต้แนวคิด
เที่ยวแบบสะดวกสบายได้บรรยากาศครบครัน นำเสนอกิจกรรมแนวสร้างสรรค์
เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย ที่ตั้ง : 76/1 หมู่ 1 ต.ขุนพิทักษ์ อ.ดำเนินสะดวก
จ.ราชบุรี 70130
วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี
เป็นถ้ำที่มีน้ำอยู่ภายในถ้ำเกือบเต็มพื้นที่ทั้งหมด
โดยน้ำที่เข้ามาภายในถ้ำเป็นน้ำที่ไหลมาจาก
ลำคลองที่ติดกับวัดและไหลออกไปอีกทางหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ปล่องน้ำ
ในน้ำจะมีพันธุ์ปลาน้ำจืดจำนวนมากอาศัยอยู่ ส่วนใหญ่ในช่วงหน้าน้ำจะมีประมาณน้ำที่สูงมาก
ในช่วงหน้าแล้งน้ำจะลดลงไม่มาก และยังคงมีน้ำในถ้ำตลอด อากาศภายในถ้ำอากาศเย็นสบาย
ปัจจุบันมีทางเดินที่ทางวัดสร้างขึ้นมาเป็นทางปูน
สำหรับเดินชมหินงอกหินย้อนภายในถ้ำน้ำ และเข้ามานมัสการพระพุทธรูปภายในถ้ำน้ำ
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถเข้าชมได้ บริเวณภายน้ำถ้ำจะมืด
จะมีไฟเปิดตลอดทางเข้าถ้ำ และจะมีพระภิกษุที่คอยดูแลถ้ำน้ำ ที่ตั้ง : หมู่ที่ 5
ตำบลนางแก้ว อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี
ตลาดน้ำดําเนินสะดวก ราชบุรี
เป็นตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
รวมถึงเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติอยู่ไม่น้อย กับภาพสะดุดตาของแม่ค้า พ่อค้า
สวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน
พากันพายเรือขายผลผลิตที่ได้จากสวนบ้าง อาหารคาวหวานมีชื่อบ้าง
เสน่ห์แบบนี้เห็นจะยากที่ประเทศไหนในโลกจะเลียนแบบได้ ที่ตั้ง : ต.ดำเนินสะดวก
อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี 70130
จังหวัดเพชรบุรี
ถ้ำเขาหลวง อยู่ห่างจากเขาวังประมาณ 3 กิโลเมตรภายในถ้ำ มีหินงอกหินย้อยสีสัน
สวยงาม
ภายในมีปล่องที่แสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาภายในถ้ำได้ทำให้สวยงามยิ่งขึ้น เป็นถ้ำใหญ่และสำคัญที่สุดของจังหวัด
ถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่เสด็จประพาสมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4
จากปากถ้ำมีบันไดลาดชันลงไปราว 10 เมตร ลงสู่ห้องโถงขนาดใหญ่
เต็มไปด้วยพระพุทธรูปและสถูปเก่าแก่จำนวนมาก
ถ้ำเขาย้อย อยู่ริมถนนเพชรเกษม ก่อนถึงตัวเมืองเพชรบุรีประมาณ 22 กิโลเมตร
ภายในถ้ำนี้มีพระพุทธรูปใหญ่น้อยหลายปางประดิษฐานอยู่ คล้ายกับถ้ำเขาหลวง หรือถ้ำเขาบันไดอิฐหา
ผนังถ้ำ คล้ายกับที่แห่งนี้เป็นพระวิหารขนาดใหญ่
ที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้างขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจง
พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระ
ราชประสงค์ให้สร้างพระรามราชนิเวศน์
หรือพระราชวังบ้านปืนแห่งนี้ ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์
เพื่อเป็นพระราชนิเวศน์สำหรับประทับแรมในฤดูฝน สร้างด้วยสถาปัตยกรรมยุโรป
เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2452 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2459 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชทานนามว่า พระที่นั่งศรเพ็ชรปราสาท และทรงเปลี่ยนเป็นพระรามราชนิเวศน์ ปี
พ.ศ. 2461 ใช้เป็นที่รับรองแขกเมือง
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
ตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยทรายเหนือ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี
ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดเพชรบุรี
พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยเป็นพระตำหนักประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพอพระราชหฤทัยที่สถานที่ที่ตำบลบางควายจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
สั่งให้กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการก่อสร้างพระราชนิเวศน์ใหญ่ใน พ.ศ. 2466 โดยที่เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)
เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้อำนวยการก่อสร้าง
และพระองค์ได้ทรงร่างแผนผังการก่อสร้างพระราชนิเวศน์ด้วยพระองค์เอง
โดยพระองค์ได้ทรงเพิ่มพระตำหนักฝ่ายใน
ทรงเลือกแบบพระราชนิเวศน์เป็นอาคารแบบไม้ชั้นเดียว หลังคาทรงปั้นหยา
มุงกระเบื้องสี่เหลี่ยม ใต้ถุนสูง เทพื้นคอนกรีตตลอด
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
อุทยานราชภักดิ์ อุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ พระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้กองทัพบกจัดสร้าง"พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม"
พร้อมจัดสร้างอุทยานประวัติศาสตร์
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
พระราชทานชื่อว่า “อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่
สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ ได้แก่
1.พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
2.สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
3.สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
4.สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
5.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
6.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
7.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
วังไกลกังวล สุขกาย สบายใจ ไร้กังวล ที่ วังไกลกังวล ปัจจุบันนี้
วังไกลกังวลเป็นสถานที่
ประทับของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จึงปิดไม่ให้มีการเข้าเยี่ยมชม วังไกลกังวล
เป็นวังส่วนพระองค์ที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2469
เพื่อพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี
โดยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จากพระคลังข้างที่ บริเวณติดทะเลริมหาดหัวหิน
โดยมีหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง
เพื่อใช้เป็นวังที่ประทับในฤดูร้อนของพระบามสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี
พระอัครมเหสีเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ
สำหรับพระมหาธาตุเจดีย์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเขาธงชัย บริเวณ
วัดทางสาย
ต.เขาธงชัย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ประมาณ 60 กิโลเมตร ซึ่ง ม.ร.ว.มิตรวรุณ
เกษมศรี ศิลปินแห่งชาติ
สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสครองราชย์ครบ 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยทุ่มเทสร้างผลงานชิ้นนี้อย่างสุดฝีมือ
และถือเป็นผลงานชิ้นสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นชีวิต โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า
“พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ”
วัดห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ประดิษฐานหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่
ที่สุดในโลก
อยู่ในเขตอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมาย
เพราะที่วัดห้วยมงคลเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
ซึ่งแต่เดิมใช้ชื่อว่า “วัดห้วยคต” ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านห้วยคต ตำบลทับใต้ อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงพระราชทานนามใหม่จากเดิมห้วยคต เปลี่ยนเป็นห้วยมงคล
ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้านห้วยมงคล วัดห้วยมงคล โรงเรียนห้วยมงคล
และโครงการต่างๆ อีกมากมาย เป็นเวลากว่า 40 ปีแล้วที่หมู่บ้านห้วยมงคล
เป็นที่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จมาเยี่ยมประชาชน
ด้วยโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับพสกนิกรให้มีฐานะดีขึ้น
ประชาชนมีสุขกันทั่วหน้าและโครงการต่างๆ ก็ดำเนินไปได้ด้วยดี
เพราะมีส่วนราชการให้การดูแล รวมทั้งทรงอุปถัมภ์วัดห้วยมงคลไว้ให้เป็นที่พึ่งทางใจสำหรับชาวบ้าน
ศาลหลักเมืองประจวบ ดยศาลหลักเมืองประจวบสร้างขึ้นในสมัยที่ ร.ต.อำนวย ไทยานนท์
เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ
สยามบรมราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ทรงเปิดศาลหลักเมืองประจวบนี้
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ.2537 ศาลหลักเมืองชึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง
สร้างเป็นแบบสถาปัตยกรรมสมัยลพบุรี ได้รับการตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงาม
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
สะพานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี (สะพานแขวน) สร้างเมื่อ พุทธศักราช 2525 โดย
องค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก เพื่อสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์
200 ปี ขนาดกว้าง 2.50 ม. ยาว 700
ม. ฐานรากและเสาเป็นคอนกรีต จำนวน 5 จุด
พื้นทำด้วยไม้โยง ยึดด้วยลวดสลิงขนาดใหญ่ซึ่งในอดีตสามารถใช้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์สัญจรไปมาได้แต่ปัจจุบันเป็นสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์แม่น้ำปิง
และมีการประดับไฟสวยงามในยามค่ำคืน
น้ำตกแม่กาษา อยู่ที่ตำบลแม่กาษา เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีทางเดินขึ้นไปบนเขาสูง มีถ้ำ และธารน้ำกว้างประมาณ 5
เมตร เป็นทางจากปากถ้ำถึงน้ำตก จากเส้นทางสายแม่สอด
- แม่ระมาด (ทางหลวงหมายเลข 105) ประมาณกิโลเมตรที่ 13-14
มีป้ายทางเข้าเขียนว่า บ้านแม่กื๊ดสามท่า จากปากทางเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร และมีทางแยกเข้าไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร
เป็นทางแคบขรุขระ สองข้างทางเป็นไม้ล้มลุกขึ้นสูง
ในฤดูฝนมีน้ำมากแต่ในฤดูแล้งไม่มีน้ำเลย ทางเข้าน้ำตกนี้ยังไม่ดี
และในบริเวณน้ำตกยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
ลำน้ำแม่ตื่น แม่ตื่น เป็นลำน้ำสาขาที่มีขนาดใหญ่ของแม่น้ำปิง
ไหลจากเทือกเขาในเขต
อำเภออมก๋อย
จังหวัดเชียงใหม่ มาบรรจบกับลำน้ำปิงเหนือเขื่อนภูมิพล จุดเริ่มต้นของการล่องแก่งเรือยางลำน้ำแม่ตื่นคือ
ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น
ดอยสอยมาลัย ป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น ยอดดอยอยู่สูงกว่า
ระดับน้ำทะเลประมาณ
1,600 เมตร จากยอดดอยสามารถมองเห็นอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลได้
สิ่งที่น่าสนใจภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ได้แก่ สลาแมนเดอร์
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า จิ้งจกน้ำ เป็นสัตว์น้ำดึกดำบรรพ์ที่หายาก
ลักษณะจะเหมือนกับจิ้งจก ลำตัวสีชมพู
พื้นที่โดยทั่วไปเป็นป่าสนเมืองหนาว
มีจุดชมวิวที่ดูทะเลหมอกในยามเช้าได้ในช่วงปลายฝนต้นหนาว
ช่วงฤดูที่น่าเที่ยวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – มกราคม
น้ำตกแม่สลิดน้อย เป็นน้ำตกสำหรับผู้ที่รักการเดินป่า เพราะต้องเดินจากที่ทำการอุทยาน
แห่งชาติแม่เมยประมาณ
3 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดเล็ก - กลาง
เป็นต้นน้ำของลำห้วยแม่สลิดน้อยเกโก ที่ไหลผ่านที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย
ซึ่งเป็นชั้น ๆ เรื่อยไปจนถึงชั้นสูงสุด
ทางอุทยานแห่งชาติได้จัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติน้ำตกแม่สลิดน้อย
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินท่องธรรมชาติ ฟังเสียงสายน้ำ
และศึกษาพรรณไม้นานาชนิด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 1.8 กิโลเมตร
ระหว่างเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติมีน้ำตกขนาดเล็กมากมายให้ได้ชม
ม่อนกิ่วลม ที่ใช้ชื่อว่า ม่อนกิ่วลม ก็เพราะที่แห่งนี้มีช่องหรือกิ่ว
ที่มีลมพัดผ่านอยู่
เสมอ
เป็นจุดชมดวงอาทิตย์ ขึ้นยามเช้าที่สวยที่สุดบนเส้นทางสายนี้
ม่อนกิ่วลมอยู่บนความสูง 940
เมตรจากระดับน้ำทะเล มองเห็นทะเลหมอกปกคลุมหุบเขาเบื้องล่าง
โดยมียอดเขาสูงต่าง ๆ โผล่พ้นสายหมอกแลดูราวกับเกาะใหญ่น้อยกลางทะเลสีขาว
อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี สภาพป่าโดยรอบเป็นป่าดิบเขา
เดินทางต่อจากม่อนกระทิงลัดเลาะไปตามไหล่เขาอีกประมาณ 8 กิโลเมตร
น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ห่างจากที่ทำการเขตฯ
3 กิโลเมตร ทีลอซู เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า น้ำตกดำ มีลักษณะเป็นน้ำตกภูเขาหินปูนขนาดใหญ่
ตั้งอยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล 900 เมตร
เกิดจากลำห้วยกล้อท้อ ลำน้ำทั้งสายตกลงสู่หน้าผาสูงชัน
มีน้ำไหลแรงตลอดปี ความกว้างของตัวน้ำตกประมาณ 500 เมตร
ไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ มีความสูงประมาณ 300 เมตร
ล้อมรอบด้วยป่าดงดิบที่สมบูรณ์ เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเอเซีย เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะทาง 1.5 กม.
ก่อนถึงน้ำตกจะผ่านป่าไผ่และป่าเบญจพรรณ
มีดอกกระเจียวขึ้นตามพื้นป่า
ระหว่างทางมีป้ายสื่อความหมายเกี่ยวกับธรรมชาติและพืชพันธุ์ตามจุดต่าง ๆ
ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา เมื่อถึงบริเวณน้ำตก
จะเห็นละอองน้ำฟุ้งกระจายไปทั่วโขดหินเบื้องล่าง
มองเห็นธารน้ำตกลงมาจากผาหินปูนซึ่งอยู่สูงประมาณ 300 ม.
ตามแนวกว้างกว่า 500 ม. ท่ามกลางป่าครึ้ม
อาจแบ่งธารน้ำตกได้เป็นสามกลุ่ม คือกลุ่มด้านซ้ายมือ (เมื่อหันหน้าเข้าหาน้ำตก)
เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดสูงที่สุด และเป็นด้านที่สวยที่สุด
มีธารน้ำตกหลายสายไหลลดหลั่นลงมาเป็นชั้นเชิง ส่วนกลุ่มตรงกลาง
สายน้ำไหลลงมาจากหน้าผาสูงชันใกล้เคียงกับกลุ่มซ้ายมือแต่ไม่เป็นชั้นและแคบกว่า
ส่วนกลุ่มทางขวามือ มีสายน้ำตกมากและหน้าผาเตี้ยกว่าสองกลุ่มแรก เมื่อมองทั้งสามกลุ่มรวมกันจะเห็น
น้ำตกทีลอซู ที่ยิ่งใหญ่และสวยงาม
บริเวณด้านล่างมีทางเดินไปยังจุดชมวิวทิวทัศน์บนยอดเขาฝั่งตรงกันข้าม
เป็นจุดที่มองเห็นน้ำตกทีลอซูได้สวยงามและชัดเจนขึ้น
สะพานข้ามแม่น้ำแคว เป็นไฮไลท์ และถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี แต่ละวันมี
นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
มาเที่ยวชมมากที่สุด ใครมาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีแล้ว
ยังไม่เคยได้ไปเดินบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว
หรือยังไม่ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับสะพานข้ามแม่น้ำแคว
เรียกได้ว่ายังมาไม่ถึงเมืองกาญจน์
เส้นทางรถไฟสายมรณะ (The Death Railway) เส้นทางรถไฟสายมรณะ คือเส้นทางรถไฟ
สายไทย - พม่า
ที่สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
โดยรัฐบาลญี่ปุ่นได้ขอดำเนินการเพื่อตัดเส้นทางจากประเทศไทย
เพื่อไปเชื่อมต่อกับทางรถไฟในประเทศพม่า
ในที่สุดแล้วเส้นทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ต้องยุติลงเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม แต่เส้นทางรถไฟบางส่วน
ยังคงหลงเหลือให้เห็นเป็นอนุสรณ์ถึงความโหดร้ายของสงครามอยู่
น้ำตกไทรโยคน้อย
น้ำตกเอราวัณ
น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
หรือ "น้ำตกห้วยขมิ้น"
สะพานมอญ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์
เป็นสะพานไม้ข้ามแม่น้ำซอง
กาเลียไปยังหมู่บ้านมอญ
ถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานไม้อูเบ็งในพม่า
และเป็นสัญลักษณ์ของอำเภอสังขละบุรี เป็นสะพานแห่งศรัทธา
ที่เกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของชุมชนที่อาศัยอยู่ในสังขละบุรี
ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวมาสัมผัสธรรมชาติ พร้อมๆ กับการได้เห็นวิถีชีวิตชุมชนชาวมอญในแถบนี้
สิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
กับสะพานที่เสมือนเป็นสายใยวัฒนธรรมของชาวมอญและไทยในดินแดนสุดขอบประเทศแห่งนี้
หาดเจ้าสำราญ ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 15 กิโลเมตร
เป็นชายหาด ที่เคย
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ
มาแต่สมัยโบราณ มีประวัติเล่ากันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่
พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัย ในความงาม ของหาดนี้มาก ทรงประทับแรม
อยู่หลายวัน จน ชาวบ้าน เรียกหาดนี้ว่า หาดเจ้าสำราญ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปพักผ่อนแห่งหนึ่ง
มีบรรยากาศที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย มีร้านอาหารและที่พักมากมายให้บริการ
เขื่อนแก่งกระจาน เป็นเขื่อนดินกั้นแม่น้ำเพชรบุรี ที่บริเวณเขาเจ้า
และเขาไม้รวกประชิด
กับ
ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี อยู่ทางด้านเหนือน้ำ ของเขื่อนเพชรขึ้นไปตามถนน
27 กิโลเมตร สันเขื่อนยาว 760 เมตร กว้าง 8 เมตร สูง 58 เมตร ระดับสันเขื่อน 106 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีพื้นที่ 46.5 ตารางกิโลเมตร
ความจุ 710 ล้านลูกบาศก์เมตรจึงเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่
เหมาะสำหรับท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจและเหมาะแก่การพักผ่อนแบบแค้มป์ปิ้ง
หรือผู้ที่ชื่นชอบการตกปลา ก็สามารถเข้ามาตกปลาได้ ลักษณะการพักผ่อนแบบสบายๆ
นอกจากนี้บริเวณรอบๆ เขื่อนแก่งกระจานยังมีรีสอร์ทและที่พักให้เลือกมากมาย
บางที่ยังมีกิจกรรมผาดโผนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกีฬาหรือกิจกรรมประเภทนี้ด้วย
เกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์
เกาะร้านเป็ด ร้านไก่
น้ำตกไทรคู่
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ประจวบ ( Waghor Aquarium )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น