ทุนทางสังคมกับการพัฒนา
ความหมายของ
“ ทุนทางสังคม ”
ปรีดี พนมยงค์ นักวิชาการไทยท่านแรกที่ให้ความหมายของทุนทางสังคมว่า
ทุนทางสังคมที่มีอยู่ในสังคมไทย ทั้งในส่วนที่เป็นหลักการ และที่เป็นวิถีของคนไทย
โดยทั้งสองส่วนที่ถูกนำเสนอสามารถพิจารณาได้ในรูปของกระบวนการทางสังคม อาทิ
ในส่วนที่เป็นหลักของสหกรณ์ โดยท่านได้นำเสนอให้เห็นถึงขั้นตอนของระบบความคิด
ที่เป็นเรื่องของแนวคิดสหกรณ์ที่เน้นรวมคนมากกว่าการรวมเงิน
เน้นความสามัคคีของสมาชิกในชุมชน ซึ่งระบบคิดนี้จะมีผลต่อขั้นตอนการปฏิบัติ
ทำให้เกิดกลุ่มสหกรณ์ เกิดการร่วมมือกันทำกิจกรรมของสมาชิก และส่งผลลัพธ์อันได้แก่
ความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ และความสามารถในการแก้ไขปัญหาของกลุ่ม
ในส่วนที่เป็นวิถีชีวิต
ก็ได้นำเสนอถึงขั้นตอนที่เป็นระบบความคิดที่เกี่ยวกับค่านิยมอันเป็นประเพณีที่มีการสืบทอดต่อกันมาจากบรรพชน
ที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมต่างๆ
ที่ส่งผลให้สมาชิกในชุมชนมีความสัมพันธืแบบพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และส่งผลต่อผลลัพธ์ คือทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
เอนก นาคบุตร ( 2545 )
กล่าวถึงทุนทางสังคมในลักษณะของความเข้มแข็งของชุมชนว่า ทุนทางสังคม
คือพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนชุมชนต่างๆให้มีความสามารถในการเพิ่มมูลค่า
และทุนทางสังคมให้กับชุมชนตนเองมากขึ้น มีความเม่ามันต่อปัญหา
และมีความสามารถในการจัดการกับปัญหาได่มากขึ้น และท้ายสุดจะสามารถพึ่งพาตนเองได้จริงในระยะยาว
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (2542) อธิบายว่า
ทุนทางสังคมเป็นนามธรรม หมายถึงความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ความสามัคคี รวมพลัง
การมีองค์กร มีหน่วยที่จะจัดการ จัดระบบต่างๆในชุมชน มีศิลปวัฒนธรรม มีจุดรวมใจ
มีศีลธรรม มีความรักสมัครสมานรักใคร่กลมเกลียวกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้เรียกว่า
เป็นทุนทางสังคม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในท้องถิ่น และชุมชนให้มีการพัฒนาที่เข้มแข็ง
ประเวศ วะสี (2542)
มองว่าทุนทางสังคมเป็นพลังทางสังคมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของสังคมได้
โดยให้ความหมายทุนทางสังคมว่า การที่คนมารวมกัน เอาความดี ความรู้ มารวมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของสังคม
อานันท์ กาญจพันธุ์ (2541)
กล่าวถึงทุนทางสังคม
คือ วิธีคิด และระบบความรู้ในการจัดการวิถีของความเป็นชุมชน เช้น
การจัดการทรัพยากร ระบบความสัมพันธ์ ในการอยู่ร่วมกันในสังคมชุมชน
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ
หรือมนุษย์กับระบบความรู้ ภูมิปัญญา
อีทั้งต้องอาศัยหลักกฎเกณฑ์มากำกับการใช้ความรู้นั้น
และนอกขากนี้ยังกล่าวถึงทุนทางสังคมที่เป็นเสมือนทุนทางสังคมเดิมของไทย
โดยมิติทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่ชุมชนพยายามจะรื้อฟื้นขึ้นมาเพราะมีนัยสำคัญทางสังคม
เพื่อประโยชน์ของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการปลูกจิตสำนึก
หรือรักษาสำนึกของชุมชน และทรัพยากรที่ชุมชนต้องอิงอาศัย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ
ลำคลอง ป่าต้นน้ำ
ส่วนแนวคิดทุนทางสังคมที่ได้ถูกนำมากล่าวถึงอย่างจริงจังนั้น
เริ่มขึ้นเมื่อปี 2540 โดยได้มีการจัดตั้งสำนักงานกองทุนเพื่อสังคม หรือ SIF โครงการของกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคมดังกล่าวพยามและทำให้สังคมไทยได้หันกลับไปมองคุณค่าที่เคยมีอยู่
ที่เป็นทุนเดิม แต่อาจถูกมองข้ามไป รวมทั้งสิ่งที่มีอยู่ในตัวบุคคล เช่นความมีน้ำใจ
ความเอื้ออาทร การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นต้น นอกจากนั้น กองทุนฯ
ยังพิจจารณาสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาจากบรรพชน เช่น ภูมิปัญญา ประเพณี ความเชื่อ
และวัฒนธรรม ที่มีอยู่ในชุมชน รวมทั้งสิ่งที่เคยเป็นศักยภาพในการพัฒนาของชุมชน
เช่น ผู้นำ กลุ่ม องค์กรประชาชน เครือข่าย เป็นต้น
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้เกิดการฟื้นฟูทุนทางสังคมที่มีอยู่
และเริ่มสูญหายให้มีการนำกลับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา ในระดับชุมชน และหลังจากนั้น
คำว่าทุนทางสังคมในประเทศไทยก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง
กล่าวโดยสรุป
การเข้าใจในทุนทางสังคมมีส่วนช่วยในการคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ในรูปแบบของสังคมในอนาคต
การก่อให้เกิดทุนทางสังคมมีความยืดหยุ่นสูง เพราะสามรถเริ่มได้ทุกระดับ เช่น
ระดับบุคคล ครอบครัว เครือญาติ กลุ่ม องค์กร สถาบัน ชุมชน หรือเครือข่าย
ทุนทางสังคมสามารถต่อยอดจากสิ่งเดิมที่มีอยู่
เช่น ค่านิยม วัฒนธรรม หรือเป็นการเรียนรู้จากสิ่งใหม่
การเกิดทุนทางสังคมแม้จะเริ่มจากปัจจัยภายใน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธปัจจัยภายนอก
ที่สำคัญทุนทางสังคมเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงระบบความคิด และวิธีปฏิบัติของบุคคล
หรือกลุ่มคนบนหลักแห่งศีลธรรม โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การจัดสรร และการกระจาย
ทรัพยากรในหมู่สมาชิก เป็นธรรม อันจะนำไปสู่การสร้างพลังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ของชุมชนให้ลุล่วงไปได้
และอยากจะยกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนา
คือแนวคิดการพัฒนาแบบบูรณาการ ในการจัดการทุนทางสังคม มีความต้องการองค์ความรู้
และมุมมองใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งได้ประยุกต์แนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับทฤษฎีการบูรณาการของ
เคน วิลเบอร์ มาช่วยในการวิเคราะห์ และอธิบาย
แนวคิดการพัฒนาแบบบูรณาการ
ในมิติของการบูรณาการทำให้เห็นธรรมชาติของทุนทางสังคมากขึ้น
และทำใหมีความเข้าใจถึงสถานภาพต่างๆ ของทุนทางสังคมไม่ว่าจะเป็นการเกิด การคงอยู่
และการสูญหายไปของภาวะที่เป็นทุนทางสังคมได้ชัดเจนมากขึ้น
จากทฤษฎีบูรณาการ ( Integral Theory) ของเคน วิลเบอร์
ได้ให้กรอบแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการของมนุษย์จากปัจเจก “ I ” ไปสู่กลุ่ม “ WE ” ซึ่งเป็นการพัฒนาจากภายใน ในขณะเดียวกัน
ทฤษฎีดังกล่าวยังให้ภาพการพัฒนามนุษย์ทางด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นการพัฒนาจากกลุ่ม ไปสู่ความเป็นชาติ และความเป็นสากล
อันเป็นการพัฒนาจากภายนอกตัวบุคคล พัฒนาการดังกล่าวทำให้การอธิบายทุนทางสังคม
ซึ่งเป็นระบบความสัมพันธ์ทางสังคม ระหว่างคน กับคน
คนกับสถาบันทและคนกับสิ่งแวดล้อม มีความเป็นระบบและความชัดเจนมากขึ้น
ข้อค้นพบเหล่านี้ทำให้เห็นได้ว่า การจัดการทุนทางสังคมมีความเป็นรูปธรรม
และเป็นไปได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การปรับระบบความคิด และวิธีปฏิบัติของบุคคลจาการมุ่งประโยชน์ส่วนตน
ไปสู่การมุ่งช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีความเอื้ออาทรต่อกัน
โดยเน้นการพัฒนาด้านคุณธรรม การพัฒนาด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
และการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ
ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวทำให้เห็นถึงพลังของจิตที่สามารถรับรู้
และเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้
และสามารถพัฒนายกระดับจิตใจให้สูงขึ้น สามารถเปลี่ยนแปลงระบบความคิด
และวิธีปฏิบัติจากความเห็นแก่ตัว มาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดระบบความสัมพันธ์ทางสังคมที่มุ่งไปสู่การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันของคนในสังคม
ทุนทางสังคมกับการพัฒนา
จะเห็นได้ว่าทุนทางสังคมเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติในสังคมเป็นทุนทรัพยกร
ที่ช่วยให้เกิดเครือข่ายทางสังคม เช่นกลุ่มอาชีพ กลุ่มเลี้ยงปลาในกระซัง
กลุ่มทอเสื่อกก กลุ่มเกษตรกร
ซึ่งสมาชิกในกลุ่มที่ร่วมใจกันทำงานจะทำให้งานมีประสิทธิภาพรวดเร็ว และลดต้นทุน
ช่วยทำให้เกิดจารีพประเพณีที่ดี เช่น งานแห่เรือ งานบวชต้นไม้
ที่ช่วยให้ชุมชนมีพลังเข้มแข็งสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น
ทุนทางสังคมช่วยให้บุคคลมีทางเลือกมากขึ้น ในการพัฒนาชีวิตส่วนบุคคล
หรือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังมีการมีการถ่ายทอด
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ในชุมชน
หรือจากผู้ที่มีความรู้ มีส่วนร่วมการใช้ทุนทางสังคมเป็นตัวเชื่อมกับกิจกรรมการพัฒนาชุมชน
จะทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้
ร่วมกันเกิดเป็นพลังในการขับเคลื่อนชุมชนทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ทุนทางสังคมจากมุมมองของทฤษฎีบูรณาการทำให้เห็นการพัฒนาที่เกิดขึ้น
และเป็นไปในสองทิศทาง คือการพัฒนาภายใน ด้วยการยกระดับจิตใจ ให้หลุดพ้นจาก “ตัวกู” ไปสู่ความเป็นกลุ่ม และการพัฒนาภายนอก
โดยสานต่อจากกลุ่มไปสู่ความเป็นชาติ และความเป็นสากล กรณีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาดังกล่าว
เพื่อช่วยให้คำอธิบาย
ทุนทางสังคม ในวิถีตะวันออกมีความเป็นระบบ และรูปธรรมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะกระบวนการปรับเปลี่ยนความคิด และวิธีปฏิบัติของบุคคล
ที่เปลี่ยนจากการมุ่งประโยชน์ส่วนตน ไปสู่การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
และมีความเอื้ออาทร
ทุนทางสังคมกับการพัฒนา
ความหมายของ
“ ทุนทางสังคม ”
ปรีดี พนมยงค์ นักวิชาการไทยท่านแรกที่ให้ความหมายของทุนทางสังคมว่า
ทุนทางสังคมที่มีอยู่ในสังคมไทย ทั้งในส่วนที่เป็นหลักการ และที่เป็นวิถีของคนไทย
โดยทั้งสองส่วนที่ถูกนำเสนอสามารถพิจารณาได้ในรูปของกระบวนการทางสังคม อาทิ
ในส่วนที่เป็นหลักของสหกรณ์ โดยท่านได้นำเสนอให้เห็นถึงขั้นตอนของระบบความคิด
ที่เป็นเรื่องของแนวคิดสหกรณ์ที่เน้นรวมคนมากกว่าการรวมเงิน
เน้นความสามัคคีของสมาชิกในชุมชน ซึ่งระบบคิดนี้จะมีผลต่อขั้นตอนการปฏิบัติ
ทำให้เกิดกลุ่มสหกรณ์ เกิดการร่วมมือกันทำกิจกรรมของสมาชิก และส่งผลลัพธ์อันได้แก่
ความเป็นปึกแผ่นของสมาชิกกลุ่มสหกรณ์ และความสามารถในการแก้ไขปัญหาของกลุ่ม
ในส่วนที่เป็นวิถีชีวิต
ก็ได้นำเสนอถึงขั้นตอนที่เป็นระบบความคิดที่เกี่ยวกับค่านิยมอันเป็นประเพณีที่มีการสืบทอดต่อกันมาจากบรรพชน
ที่เกี่ยวกับการทำกิจกรรมต่างๆ
ที่ส่งผลให้สมาชิกในชุมชนมีความสัมพันธืแบบพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และส่งผลต่อผลลัพธ์ คือทำให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้
เอนก นาคบุตร ( 2545 )
กล่าวถึงทุนทางสังคมในลักษณะของความเข้มแข็งของชุมชนว่า ทุนทางสังคม
คือพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนชุมชนต่างๆให้มีความสามารถในการเพิ่มมูลค่า
และทุนทางสังคมให้กับชุมชนตนเองมากขึ้น มีความเม่ามันต่อปัญหา
และมีความสามารถในการจัดการกับปัญหาได่มากขึ้น และท้ายสุดจะสามารถพึ่งพาตนเองได้จริงในระยะยาว
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (2542) อธิบายว่า
ทุนทางสังคมเป็นนามธรรม หมายถึงความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่น ความสามัคคี รวมพลัง
การมีองค์กร มีหน่วยที่จะจัดการ จัดระบบต่างๆในชุมชน มีศิลปวัฒนธรรม มีจุดรวมใจ
มีศีลธรรม มีความรักสมัครสมานรักใคร่กลมเกลียวกัน สิ่งต่างๆเหล่านี้เรียกว่า
เป็นทุนทางสังคม ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในท้องถิ่น และชุมชนให้มีการพัฒนาที่เข้มแข็ง
ประเวศ วะสี (2542)
มองว่าทุนทางสังคมเป็นพลังทางสังคมในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของสังคมได้
โดยให้ความหมายทุนทางสังคมว่า การที่คนมารวมกัน เอาความดี ความรู้ มารวมกัน เพื่อแก้ไขปัญหาของสังคม
อานันท์ กาญจพันธุ์ (2541)
กล่าวถึงทุนทางสังคม
คือ วิธีคิด และระบบความรู้ในการจัดการวิถีของความเป็นชุมชน เช้น
การจัดการทรัพยากร ระบบความสัมพันธ์ ในการอยู่ร่วมกันในสังคมชุมชน
ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ
หรือมนุษย์กับระบบความรู้ ภูมิปัญญา
อีทั้งต้องอาศัยหลักกฎเกณฑ์มากำกับการใช้ความรู้นั้น
และนอกขากนี้ยังกล่าวถึงทุนทางสังคมที่เป็นเสมือนทุนทางสังคมเดิมของไทย
โดยมิติทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่ชุมชนพยายามจะรื้อฟื้นขึ้นมาเพราะมีนัยสำคัญทางสังคม
เพื่อประโยชน์ของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการปลูกจิตสำนึก
หรือรักษาสำนึกของชุมชน และทรัพยากรที่ชุมชนต้องอิงอาศัย ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำ
ลำคลอง ป่าต้นน้ำ
ส่วนแนวคิดทุนทางสังคมที่ได้ถูกนำมากล่าวถึงอย่างจริงจังนั้น
เริ่มขึ้นเมื่อปี 2540 โดยได้มีการจัดตั้งสำนักงานกองทุนเพื่อสังคม หรือ SIF โครงการของกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคมดังกล่าวพยามและทำให้สังคมไทยได้หันกลับไปมองคุณค่าที่เคยมีอยู่
ที่เป็นทุนเดิม แต่อาจถูกมองข้ามไป รวมทั้งสิ่งที่มีอยู่ในตัวบุคคล เช่นความมีน้ำใจ
ความเอื้ออาทร การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นต้น นอกจากนั้น กองทุนฯ
ยังพิจจารณาสิ่งที่ได้รับถ่ายทอดมาจากบรรพชน เช่น ภูมิปัญญา ประเพณี ความเชื่อ
และวัฒนธรรม ที่มีอยู่ในชุมชน รวมทั้งสิ่งที่เคยเป็นศักยภาพในการพัฒนาของชุมชน
เช่น ผู้นำ กลุ่ม องค์กรประชาชน เครือข่าย เป็นต้น
ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวได้เกิดการฟื้นฟูทุนทางสังคมที่มีอยู่
และเริ่มสูญหายให้มีการนำกลับมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนา ในระดับชุมชน และหลังจากนั้น
คำว่าทุนทางสังคมในประเทศไทยก็ได้ถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่อง
กล่าวโดยสรุป
การเข้าใจในทุนทางสังคมมีส่วนช่วยในการคาดคะเนถึงความเป็นไปได้ในรูปแบบของสังคมในอนาคต
การก่อให้เกิดทุนทางสังคมมีความยืดหยุ่นสูง เพราะสามรถเริ่มได้ทุกระดับ เช่น
ระดับบุคคล ครอบครัว เครือญาติ กลุ่ม องค์กร สถาบัน ชุมชน หรือเครือข่าย
ทุนทางสังคมสามารถต่อยอดจากสิ่งเดิมที่มีอยู่
เช่น ค่านิยม วัฒนธรรม หรือเป็นการเรียนรู้จากสิ่งใหม่
การเกิดทุนทางสังคมแม้จะเริ่มจากปัจจัยภายใน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธปัจจัยภายนอก
ที่สำคัญทุนทางสังคมเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงระบบความคิด และวิธีปฏิบัติของบุคคล
หรือกลุ่มคนบนหลักแห่งศีลธรรม โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การจัดสรร และการกระจาย
ทรัพยากรในหมู่สมาชิก เป็นธรรม อันจะนำไปสู่การสร้างพลังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ของชุมชนให้ลุล่วงไปได้
ทุนทางสังคมกับการพัฒนา
จะเห็นได้ว่าทุนทางสังคมเป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วโดยธรรมชาติในสังคมเป็นทุนทรัพยกร
ที่ช่วยให้เกิดเครือข่ายทางสังคม เช่นกลุ่มอาชีพ กลุ่มเลี้ยงปลาในกระซัง
กลุ่มทอเสื่อกก กลุ่มเกษตรกร
ซึ่งสมาชิกในกลุ่มที่ร่วมใจกันทำงานจะทำให้งานมีประสิทธิภาพรวดเร็ว และลดต้นทุน ช่วยทำให้เกิดจารีพประเพณีที่ดี
เช่น งานแห่เรือ งานบวชต้นไม้
ที่ช่วยให้ชุมชนมีพลังเข้มแข็งสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น
ทุนทางสังคมช่วยให้บุคคลมีทางเลือกมากขึ้น ในการพัฒนาชีวิตส่วนบุคคล
หรือในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังมีการมีการถ่ายทอด
การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องผ่านประสบการณ์การเรียนรู้ในชุมชน
หรือจากผู้ที่มีความรู้
มีส่วนร่วมการใช้ทุนทางสังคมเป็นตัวเชื่อมกับกิจกรรมการพัฒนาชุมชน
จะทำให้ประชาชนเกิดการเรียนรู้
ร่วมกันเกิดเป็นพลังในการขับเคลื่อนชุมชนทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งสู่การพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
และอยากจะยกประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการพัฒนา
คือแนวคิดการพัฒนาแบบบูรณาการ ในการจัดการทุนทางสังคม มีความต้องการองค์ความรู้
และมุมมองใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งได้ประยุกต์แนวคิดบางส่วนเกี่ยวกับทฤษฎีการบูรณาการของ
เคน วิลเบอร์ มาช่วยในการวิเคราะห์ และอธิบาย
แนวคิดการพัฒนาแบบบูรณาการ
ในมิติของการบูรณาการทำให้เห็นธรรมชาติของทุนทางสังคมากขึ้น
และทำใหมีความเข้าใจถึงสถานภาพต่างๆ ของทุนทางสังคมไม่ว่าจะเป็นการเกิด การคงอยู่
และการสูญหายไปของภาวะที่เป็นทุนทางสังคมได้ชัดเจนมากขึ้น
จากทฤษฎีบูรณาการ ( Integral Theory) ของเคน วิลเบอร์
ได้ให้กรอบแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาการของมนุษย์จากปัจเจก “ I ” ไปสู่กลุ่ม “ WE ” ซึ่งเป็นการพัฒนาจากภายใน ในขณะเดียวกัน
ทฤษฎีดังกล่าวยังให้ภาพการพัฒนามนุษย์ทางด้านสังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งเป็นการพัฒนาจากกลุ่ม ไปสู่ความเป็นชาติ และความเป็นสากล
อันเป็นการพัฒนาจากภายนอกตัวบุคคล พัฒนาการดังกล่าวทำให้การอธิบายทุนทางสังคม
ซึ่งเป็นระบบความสัมพันธ์ทางสังคม ระหว่างคน กับคน
คนกับสถาบันทและคนกับสิ่งแวดล้อม มีความเป็นระบบและความชัดเจนมากขึ้น
ข้อค้นพบเหล่านี้ทำให้เห็นได้ว่า การจัดการทุนทางสังคมมีความเป็นรูปธรรม
และเป็นไปได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การปรับระบบความคิด และวิธีปฏิบัติของบุคคลจาการมุ่งประโยชน์ส่วนตน
ไปสู่การมุ่งช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมีความเอื้ออาทรต่อกัน
โดยเน้นการพัฒนาด้านคุณธรรม การพัฒนาด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
และการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ
ซึ่งองค์ความรู้ดังกล่าวทำให้เห็นถึงพลังของจิตที่สามารถรับรู้
และเปลี่ยนแปลงความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษย์เกิดการเรียนรู้
และสามารถพัฒนายกระดับจิตใจให้สูงขึ้น สามารถเปลี่ยนแปลงระบบความคิด
และวิธีปฏิบัติจากความเห็นแก่ตัว มาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดระบบความสัมพันธ์ทางสังคมที่มุ่งไปสู่การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันของคนในสังคม
อ้างอิง
วรวุฒิ
โรมรัตนพันธ์.2548. ทุนทางสังคม.กรุงเทพมหานคร.เดือนตุลา